วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ประเพณี...สะท้อนวิถีชีวิต




ประเพณีลาซัง-โต๊ะชุมพุก สะท้อนวิถีชีวิตชาวนาตำบลควน


     ประเพณีลาซัง-แต่งงานโต๊ะชุมพุก เกิดขึ้นมาร่วมร้อยปีในหมู่บ้านชาวนาแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้มองเห็นประวัติศาสตร์การผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวนาไทยพุทธและไทยมุสลิม 
มีประเพณีลาซังเป็นตัวเชื่อมผ่านสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพราะแท้จริงแล้ว ชาวบ้านจะมีวิถีชีวิตดั้งเดิมอยู่ท่ามกลางการเรียนรู้ ผูกพัน เคารพบูชา การตอบแทนคุณต่อธรรมชาติ เพียงเพื่อต้องการเคารพในวิถีของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ และมนุษย์กับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ

ตำบลควน : การเปลี่ยนแปลงวิถีอาชีพการทำนา
     ตำบลควน แปลว่า ที่สูง ตั้งชื่อตามลักษณะของพื้นที่ราบสูงเชิงเขา การตั้งถิ่นฐานของประชาชนยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าการตั้งถิ่นฐานชาวไทยพุทธมาจากกองกำลังทหารที่เดินทางมาจากอยุธยาเพื่อทำศึกสงคราม ช่วงเวลานั้นช้างศึกได้หลุดหนีออกมาได้มีทหารอาสาติดตามช้าบางกลุ่มได้หยุดตั้งหลักแหล่งตามเส้นทางติดตามช้างตั้งแต่อำเภอสายบุรี อ􀃎ำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานีและอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
     สมัยการปกครอง 7 หัวเมือง พื้นที่อำเภอปะนาเระอย่ภู ายใต้เขตปกครองของเมืองยะหริ่่ง และพื้นที่ตำบลควนซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับหัวเมืองสายบุรี ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เปรียบเหมือนกับเมืองหน้าด่านทางการค้าระหว่างหัวเมืองสมัยก่อนพ่อค้าจากเมืองยะหริ่งบรรทุกสินค้าด้วยเกวียนมาเป็นกองคาราวาน เพื่อนำสินค้าไปค้าขายยังเมืองสายบุรี และพ่อค้าเมืองสายบุรีเดินทางไปค้าขายยังหัวเมืองยะหริ่ง การเดินทางค้าขายสมัยก่อนต้องใช้เวลาหลายวัน จึงหยุดแวะพักผ่อนบริเวณชายแดนก่อนเดินทางเข้าเมือง จึงเรียกชื่อพื้นที่บริเวณนี้ว่า “หน้าด่าน”
     ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ มีพื้นที่นาเป็นฐานต้นทุนทรัพยากร อาชีพทำนาเริ่มมีความสำคัญลดลงมาจากหลายสาเหตุ เช่น การถมพื้นที่นาเพื่อปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน  อันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และทัศนคติของชาวนามองว่า อาชีพทำนาลำบาก เหน็ดเหนื่อย มีรายได้ไม่แน่นอน บางปีมีภัยธรรมชาติ บางครอบครัวหันไปประกอบอาชีพอื่น บางครอบครัวบุตรหลานเรียนหนังสือไม่มีแรงงานในครัวเรือน จำเป็นต้องให้พื้นที่นารกร้าง แม้ปัจจุบันอาชีพทำนาไม่ได้ยุ่งยาก
ลำบาก และเหน็ดเหนื่อยอย่างในอดีต นอกจากมีรถไถใหญ่และรถเกี่ยวข้าวรับจ้างตามช่วงฤดูกาลทำนาแล้ว ในชุมชนได้จัดซื้อรถไถประจำตำบลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวนาผู้
ประสงค์จ้างไถและเก็บเกี่ยว ปัจจุบันทำนาได้ปีละ 2 ครั้งจากการสร้างเขื่อนชลประทาน แต่ความสะดวกสบายนำมาสู่ปัญหาและอุปสรรคเหมือนกนั เช่น บริเวณพื้นที่นาอย่ใกล้ชลประทานถูกน้ำท่วมขังตลอดปีไม่สามารถทำนาได้เพราะดินเป็นโคลนเหนียว ปัญหาหอยเชอรี่เต็มท้องนา สาเหตุไม่รู้แน่ชัด บางคนบอกว่ามากบั น้ำชลประทานบ้างไข่หอยเชอรี่ติดกับรถไถใหญ่บ้าง เกิดจากนาร้างบ้าง ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การทำนาช่วง10 ปีที่ผ่านมาลดลงเหลือเพียงไม่กี่ครัวเรือน



ประเพณีลาซัง-แต่งงานโต๊ะชุมพุก : พิธีกรรมสุดท้ายแห่งวิถีการทำนา
 ประเพณีลาซังมีความผูกพันกับชาวนาสามจังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่โบราณ “แต่ละพื้นที่เรียกชื่อต่างกัน กล่าวคือ แถบอำเภอสายบุรี
จังหวัดปัตตานีเรียกว่า “ลาซัง” แถบอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสเรียกว่า “ล้มซัง” บ้าง“กินขนมจีน” บ้าง “กินข้าวพอง” บ้าง และชาว
ไทยมุสลิมเรียกว่า “ปูยอมือแน” ส่วนตำบลควน ตำบลดอน ตำบล คอกกระบือ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานีเรียกว่า “ประเพณีลาซัง - แต่งงานโต๊ะชุมพุก” มาจากความเชื่อเรื่องแม่โพสพ ถ้าจัดพิธีนี้แล้วนาข้าวปีต่อไปงอกงามให้ผลผลิตสูงเพราะชาวนารู้คุณเจ้าที่นาและแม่โพสพ” (สถาพร ศรีสัจจังและครื่น มณีโชติ, 2542 : 6806) สอดคล้องกับข้อมูลของรองศาสตราจารย์สมปราชญ์
อัมมะพันธุ์ (2548 : 39) เขียนไว้ว่า “ลาซัง เป็นประเพณีฉลองนาหรือฉลองซังข้าว สมัยก่อนทำ“ลาซัง” กันทุกหมู่บ้านของชาวนาทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบันความนิยมประเพณีนี้ลดน้อยลงคงเหลือมีทำกันอยู่บางหมู่บ้านเท่านั้น”
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น