ประเพณีลาซัง-โต๊ะชุมพุก สะท้อนวิถีชีวิตชาวนาตำบลควน
ประเพณีลาซัง-แต่งงานโต๊ะชุมพุก เกิดขึ้นมาร่วมร้อยปีในหมู่บ้านชาวนาแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้มองเห็นประวัติศาสตร์การผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวนาไทยพุทธและไทยมุสลิม
มีประเพณีลาซังเป็นตัวเชื่อมผ่านสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน เพราะแท้จริงแล้ว ชาวบ้านจะมีวิถีชีวิตดั้งเดิมอยู่ท่ามกลางการเรียนรู้ ผูกพัน เคารพบูชา การตอบแทนคุณต่อธรรมชาติ เพียงเพื่อต้องการเคารพในวิถีของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ และมนุษย์กับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ
ตำบลควน : การเปลี่ยนแปลงวิถีอาชีพการทำนา
ตำบลควน แปลว่า ที่สูง ตั้งชื่อตามลักษณะของพื้นที่ราบสูงเชิงเขา การตั้งถิ่นฐานของประชาชนยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าการตั้งถิ่นฐานชาวไทยพุทธมาจากกองกำลังทหารที่เดินทางมาจากอยุธยาเพื่อทำศึกสงคราม ช่วงเวลานั้นช้างศึกได้หลุดหนีออกมาได้มีทหารอาสาติดตามช้าบางกลุ่มได้หยุดตั้งหลักแหล่งตามเส้นทางติดตามช้างตั้งแต่อำเภอสายบุรี อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานีและอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
สมัยการปกครอง 7 หัวเมือง พื้นที่อำเภอปะนาเระอย่ภู ายใต้เขตปกครองของเมืองยะหริ่่ง และพื้นที่ตำบลควนซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับหัวเมืองสายบุรี ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เปรียบเหมือนกับเมืองหน้าด่านทางการค้าระหว่างหัวเมืองสมัยก่อนพ่อค้าจากเมืองยะหริ่งบรรทุกสินค้าด้วยเกวียนมาเป็นกองคาราวาน เพื่อนำสินค้าไปค้าขายยังเมืองสายบุรี และพ่อค้าเมืองสายบุรีเดินทางไปค้าขายยังหัวเมืองยะหริ่ง การเดินทางค้าขายสมัยก่อนต้องใช้เวลาหลายวัน จึงหยุดแวะพักผ่อนบริเวณชายแดนก่อนเดินทางเข้าเมือง จึงเรียกชื่อพื้นที่บริเวณนี้ว่า “หน้าด่าน”
ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ มีพื้นที่นาเป็นฐานต้นทุนทรัพยากร อาชีพทำนาเริ่มมีความสำคัญลดลงมาจากหลายสาเหตุ เช่น การถมพื้นที่นาเพื่อปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน อันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และทัศนคติของชาวนามองว่า อาชีพทำนาลำบาก เหน็ดเหนื่อย มีรายได้ไม่แน่นอน บางปีมีภัยธรรมชาติ บางครอบครัวหันไปประกอบอาชีพอื่น บางครอบครัวบุตรหลานเรียนหนังสือไม่มีแรงงานในครัวเรือน จำเป็นต้องให้พื้นที่นารกร้าง แม้ปัจจุบันอาชีพทำนาไม่ได้ยุ่งยาก
ลำบาก และเหน็ดเหนื่อยอย่างในอดีต นอกจากมีรถไถใหญ่และรถเกี่ยวข้าวรับจ้างตามช่วงฤดูกาลทำนาแล้ว ในชุมชนได้จัดซื้อรถไถประจำตำบลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวนาผู้
ประสงค์จ้างไถและเก็บเกี่ยว ปัจจุบันทำนาได้ปีละ 2 ครั้งจากการสร้างเขื่อนชลประทาน แต่ความสะดวกสบายนำมาสู่ปัญหาและอุปสรรคเหมือนกนั เช่น บริเวณพื้นที่นาอย่ใกล้ชลประทานถูกน้ำท่วมขังตลอดปีไม่สามารถทำนาได้เพราะดินเป็นโคลนเหนียว ปัญหาหอยเชอรี่เต็มท้องนา สาเหตุไม่รู้แน่ชัด บางคนบอกว่ามากบั น้ำชลประทานบ้างไข่หอยเชอรี่ติดกับรถไถใหญ่บ้าง เกิดจากนาร้างบ้าง ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การทำนาช่วง10 ปีที่ผ่านมาลดลงเหลือเพียงไม่กี่ครัวเรือน
สมัยการปกครอง 7 หัวเมือง พื้นที่อำเภอปะนาเระอย่ภู ายใต้เขตปกครองของเมืองยะหริ่่ง และพื้นที่ตำบลควนซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับหัวเมืองสายบุรี ทำให้พื้นที่บริเวณนี้เปรียบเหมือนกับเมืองหน้าด่านทางการค้าระหว่างหัวเมืองสมัยก่อนพ่อค้าจากเมืองยะหริ่งบรรทุกสินค้าด้วยเกวียนมาเป็นกองคาราวาน เพื่อนำสินค้าไปค้าขายยังเมืองสายบุรี และพ่อค้าเมืองสายบุรีเดินทางไปค้าขายยังหัวเมืองยะหริ่ง การเดินทางค้าขายสมัยก่อนต้องใช้เวลาหลายวัน จึงหยุดแวะพักผ่อนบริเวณชายแดนก่อนเดินทางเข้าเมือง จึงเรียกชื่อพื้นที่บริเวณนี้ว่า “หน้าด่าน”
ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยพุทธ มีพื้นที่นาเป็นฐานต้นทุนทรัพยากร อาชีพทำนาเริ่มมีความสำคัญลดลงมาจากหลายสาเหตุ เช่น การถมพื้นที่นาเพื่อปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน อันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และทัศนคติของชาวนามองว่า อาชีพทำนาลำบาก เหน็ดเหนื่อย มีรายได้ไม่แน่นอน บางปีมีภัยธรรมชาติ บางครอบครัวหันไปประกอบอาชีพอื่น บางครอบครัวบุตรหลานเรียนหนังสือไม่มีแรงงานในครัวเรือน จำเป็นต้องให้พื้นที่นารกร้าง แม้ปัจจุบันอาชีพทำนาไม่ได้ยุ่งยาก
ลำบาก และเหน็ดเหนื่อยอย่างในอดีต นอกจากมีรถไถใหญ่และรถเกี่ยวข้าวรับจ้างตามช่วงฤดูกาลทำนาแล้ว ในชุมชนได้จัดซื้อรถไถประจำตำบลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวนาผู้
ประสงค์จ้างไถและเก็บเกี่ยว ปัจจุบันทำนาได้ปีละ 2 ครั้งจากการสร้างเขื่อนชลประทาน แต่ความสะดวกสบายนำมาสู่ปัญหาและอุปสรรคเหมือนกนั เช่น บริเวณพื้นที่นาอย่ใกล้ชลประทานถูกน้ำท่วมขังตลอดปีไม่สามารถทำนาได้เพราะดินเป็นโคลนเหนียว ปัญหาหอยเชอรี่เต็มท้องนา สาเหตุไม่รู้แน่ชัด บางคนบอกว่ามากบั น้ำชลประทานบ้างไข่หอยเชอรี่ติดกับรถไถใหญ่บ้าง เกิดจากนาร้างบ้าง ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การทำนาช่วง10 ปีที่ผ่านมาลดลงเหลือเพียงไม่กี่ครัวเรือน